active learning

การประยุกต์ใช้การสอนแบบ Active Learning ในการสอนของเด็กๆ

ช่วงนี้เรียกได้ว่าวงการการศึกษา เต็มไปด้วยแนวการเรียนรู้ที่หลากหลายมากขึ้น เพราะโลกที่พัฒนาทำให้ทุกๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่เรื่องของการศึกษา ซึ่งวันนี้เะราจะมาพูดถึงการเรียนแบบ Active Learning ซึ่งเป็นการเรียนการสอนที่เรียกได้ว่ามีการกล่าวถึงมากที่สุดในช่วงนี้

การเรียนแบบ Active Learning คืออะไร

Active Learning คือกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือทำและได้ใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป ซึ่งแปลได้ตรงตัวเลยก็คือ เป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ หรือ การลงมือทำ ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์

ลักษณะของการเรียนแบบ Active Learning คือ

1. เป็นการเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแก้ปัญหา และการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้

2. เป็นการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้

3. ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้และจัดระบบการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

4. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน มีการสร้างองค์ความรู้ การสร้างปฏิสัมพันธ์กัน และร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขัน

5. ผู้เรียนได้เรียนรู้ความผิดชอบร่วมกัน การมีวินัยในการทำงาน และการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ

6. เป็นกระบวนการที่จะสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียน ฟัง พูด อ่าน คิด

7. เป็นกิจกรรมที่เน้นทักษะการคิดขั้นสูง

8. เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูลต่างๆ และหลักการสู่การสร้างความคิดรวบยอด

9. ผู้สอนจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติด้วยตนเอง

10. ความรู้เกิดจากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรุปบททวนของผู้เรียน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคุณครูคือคนสำคัญที่จะทำให้กิจกรรมที่จัดนั้นสนุกสนาน เพราะฉะนั้นคุณครูจึงควรจะต้องมีการวางแผนการเรียนการสอน และวางแผนการใช้สื่อกับเด็กๆ อาจจะมีการทดลองกับตัวเองก่อน หากได้ผลค่อยนำมาใช้สอนเด็กๆ ต่อ มีการให้อิสระทางความคิดและจินตนาการ เพื่อให้เด็กๆ ที่เรียนรู้มีความสนุกสนานกับเกมต่างๆ อีกทั้งยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความคิดและเสริมสร้างแนวทางการแก้ปัญหาอีกด้วย

นอกจากนี้คุณครูยังต้องสังเกตเพื่อดูความสามารถของเด็กแต่ละคน เพื่อส่งเสริมให้ได้ตรงความสามารถของเขา ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เด็กๆ ได้เปรียบและสนุกกว่าการที่เราไม่รู้ว่าเด็กสนใจหรือชอบทำอะไรเป็นพิเศษนั้นเอง

active learning

ซึ่งโดยทั่วไปการเรียนรู้แบบ Active Learning สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning มาประยุกต์ใช้ ไว้ดังนี้คือ

1. การเรียนรู้ผ่านการทำงาน : สิ่งนี้จะส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เนื้อหาสาระ การปฏิบัติจริง ฝึกฝนทักษะสังคม ทักษะชีวิต ทักษะวิชาชีพ และการพัฒนาทักษะชีวิตขั้นสูง โดยสถานบันการศึกษามักร่วมมือกับแหล่งงานในชุมชน รับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนร่วมกัน ตั้งแต่การกำหนดวัตถุประสงค์ การกำหนดเนื้อหากิจกรรม และวิธีประเมินผลด้วยนั้นเอง

2. การเรียนรู้ผ่านโครงงาน : เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสิ่งสำคัญ และปฏิบัติจริงในลักษณะของการศึกษา สำรวจ ค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์ คิดค้น โดยมีคุณครูเป็นผู้ให้ความรู้ และอำนวยความสะดวก เพื่อให้โครงการสำเร็จ สิ่งนี้จะช่วยให้เด็กๆ มีทักษะการเรียนรู้และการประกอบอาชีพ การสื่อสารและเทคโนโลยี การออกแบบโครงงานที่ดีจะกระตุ้นให้เกิดการค้นคว้าอย่างกระตือรือร้นและเด็กๆ จะได้ฝึกการใช้ทักษะเชิงวิพากษ์และแก้ปัญหาอีกด้วย

3. การเรียนรู้ผ่านกิจกรรม : เป็นการเรียนโดยการปฏิบัติจริงๆ และแก้ปัญหาให้ได้ จึงถูกนำมาใช้ในการปฏิรูปการศึกษาของไทย โดยเด็กๆ จะได้เป็นผู้ปฏิบัติจริงๆ และมีคุณครูคอยเป็นเทรนเนอร์ โดยกิจกรรมที่จะเอามานั้นต้องเป็นกิจกรรมที่มีจุดมุ่งหมาย สนุกและน่าสนใจ ไม่ซ้ำซากจนก่อให้เกิดความเบื่อหน่าย

4. การเรียนรู้ผ่านการแก้ปัญหา : เป็นรูปแบบการเรียนอีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นทีมของเด็กๆ โดยผู้สอนมีส่วนร่วมน้อยแต่ก็ท้าทายผู้สอนมากที่สุด กระบวนการการเรียนรู้โดย ใช้ปัญหาเป็นฐาน จะจัดเด็กๆ เป็นกลุ่มย่อย ขนาดประมาณ 8 -10 คน โดยมีครูหรือผู้สอนประจำกลุ่ม 1 คน ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนการการเรียนรู้

5. การเรียนรู้ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือวิธีวิจัย : การเรียนรู้ที่เน้นการวิจัยถือได้ว่าเป็นหัวใจของบัณฑิตศึกษา เพราะเป็นการเรียนที่เน้นการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองของเด็กๆ โดยตรง เป็นการพัฒนากระบวนการแสวงหาความรู้ และการทดสอบความสามารถทางการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียน

ซึ่งการเรียนการสอนแบบ Active Learning นี้คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถทำได้ ไม่ใช่เฉพาะครูเท่านั้นที่ทำได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ควรมีเวลาให้กับลูก เพื่อสังเกตว่าเขาชอบหรือถนัดอะไร จะได้ส่งเสริมได้ตรงจุด ซึ่งบางทีซื้อแค่แบบฝึกหัดมาให้ทำคงไม่พอ พ่อแม่ควรเข้ามาสร้างกิจกรรมกับลูกระหว่างลูกทำแบบฝึกด้วย หรือหากซื้อแบบฝึกหัดมาก็อาจจะดูวัตถุประสงค์ของแบบฝึกหัดนั้นว่าต้องการอะไร เราก็แค่เสริมกิจกรรมที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นให้ลูก โดยจะได้ไม่ต้องให้ลูกไปอ่านตัวหนังสือหรือเนื้อหาที่มากเกินไป พยายามให้เขาได้ลงมือทำจากกิจกรรมที่เราจัดเตรียมไว้ให้ เพียงเท่านี้เด็กๆ ก็จะเรียนรู้ผ่านการเล่นและปฏิบัติได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ werner-fellner.com

Releated